เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567

กระทรวงมหาดไทย เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ภายใต้แนวคิด “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง สร้างการสัญจรทางถนนที่ปลอดภัยให้กับประชาชน ให้บรรลุเป้าหมาย ลดจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลสงกรานต์เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง

ในช่วงควบคุมเข้มข้นระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2567 ที่มุ่งลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งคน รถ ถนน และสิ่งแวดล้อม เน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เฝ้าระวังและป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนทุกรูปแบบ เช่น การขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ดื่มแล้วขับ การใช้อุปกรณ์นิรภัย และการบรรทุกท้ายกระบะ รวมถึงไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ฯลฯ

อุบัติเหตุวันแรกของ 7 วันเฝ้าระวังอันตราย

ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุฯ ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 11 เมษายน 2567

• เกิดอุบัติเหตุ 234 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 248 คน ผู้เสียชีวิต 25 ราย

• สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 44.02 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 16.67

• ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 86.07

• จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สงขลา (11 ครั้ง)

• จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (3 ราย)

สตช.เตือน 8 สิ่งต้องระวัง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์

1. สภาพของคนและยานพาหนะในการเดินทาง ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ศึกษาเส้นทาง และควรตรวจเช็คสภาพรถให้มีความพร้อม

2. การขับขี่รถจักรยานยนต์ ควรสวมใส่หมวกนิรภัยตลอดเวลาที่ขับขี่ ทั้งคนขับและคนซ้อน เมื่อถึงบริเวณที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์ ควรขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ ไม่เบรกกะทันหัน อาจทำให้รถเสียหลัก และควรใช้มือทั้งสองจับแฮนด์รถจักรยานยนต์ไว้ให้มั่น

3. ไม่ขับขี่ขณะเมาสุรา เพราะอาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ จนผู้อื่นถึงแก่ความตาย จะต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาต

4. ไม่โพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมข้อความชักชวน อาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ หรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5. ไม่โพสต์ภาพวาบหวิวหรือภาพลามก เพราะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีลักษณะอันลามก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6. การถูกทำอนาจารหรือคุกคามทางเพศ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ตามสถานที่ที่มีการจัดกิจกรรมมีประชาชนจำนวนมาก ซึ่งผู้ไม่หวังดีอาจอาศัยจังหวะทำอนาจารหรือคุกคามทางเพศได้ โดยเฉพาะผู้ที่แต่งกายวาบหวิว จะต้องระวังตัวเป็นพิเศษ

7. การถูกลักทรัพย์ ประชาชนส่วนใหญ่มักเดินทางกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด อาจเป็นโอกาสให้ผู้ไม่หวังดีเข้าไปลักทรัพย์ จึงควรติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือเข้าร่วมโครงการฝากบ้าน 4.0 รวมทั้งไม่ควรนำทรัพย์สินมีค่าติดตัวไปเล่นน้ำสงกรานต์ อาจเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพได้

8. อุบัติเหตุจากการเล่นน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเด็กและเยาวชน ทั้งเล่นน้ำท้ายรถกระบะ การลงไปว่ายน้ำในลำคลอง สาดน้ำหรือฉีดน้ำใส่รถจักรยานยนต์ อาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตได้ และควรดูแลบุตรหลานอยู่ตลอดเวลา

หากประชาชนต้องการแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือ ติดต่อได้ที่

• สายด่วน 191

• สายด่วนตำรวจทางหลวง 1193

• พื้นที่กรุงเทพมหานครที่ สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 ตลอด 24 ชั่วโมง

• สายด่วน ปภ.1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

#สงกรานต์ปลอดภัย #เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน #สงกรานต์2567 #กระทรวงมหาดไทย #กระทรวงสาธารณสุข #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar